พฤติกรรมดับกลิ่นน้องหนูเหม็นเค็ม


พฤติกรรมดับกลิ่นน้องหนูเหม็นเค็ม

        เรื่อง กลิ่นของจุดซ่อนเร้น เรียกได้ว่าเป็นปัญหาตัวแม่สำหรับผู้หญิงเลยนะคะ และจะเป็นประเด็นใหญ่และหนักใจมากหากจะมีกิจกรรมเข้าจังหวะกับแฟนรักของเรา
       และ..เจ้ากลิ่นเหม็นบูดมันก็จะกระพือเหม็นทุกแรงกระเพื่อม ผ้าห่มคลุมก็เอาไม่อยู่ จนผู้ชายหมดอารมณ์เพราะกลิ่นไปเลยก็มี
       “มีกลิ่นเหม็นเค็มๆ ที่อวัยวะเพศ ใช้น้ำยามาสารพัดชนิดก็ไม่หาย ยิ่งตอนเช้าๆ ตื่นนอน จะเหม็นมากค่ะ กลิ่นคล้ายปลาหมึกตากแห้ง
       “เวลาที่ทำกิจกรรมกลางคืนกับแฟนแล้ว มีกลิ่นเหม็นคาว เหมือนกลิ่นหัวปลาเน่า อายแฟนมาก กลิ่นมันโชย ตลบอบอวนเต็มห้องตามจังหวะเข้า-ออก
       นี่คือส่วนหนึ่งของเสียงจากเพื่อนสาว เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ครั้นจะเล่าให้เพื่อนฟังก็ลำบากใจ ดูเป็นคนสกปรก ไปซะอีก ขนาดล้างแล้วล้างอีก จกทำความสะอาดทั้งวี่ทั้งวัน กลิ่นคาวปลา เหม็นฮานามิ ก็ยังไม่จางหาย อายก็อาย เพื่อนก็ไม่กล้าปรึกษากลัวจะหาว่าไม่ดูแลน้องสาวสุดที่รักจนสกปรกจนกลิ่นออก ไหนจะต้องเหม็นต่อหน้าแฟนอีก
      
เรามีวิธีมาแนะนำ เพียงแค่เลี่ยงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ค่ะ
     
อย่าโกนขนอวัยวะเพศ
        ไม่ต้องโกนขนบริเวณอวัยวะเพศให้เกลี้ยงเตียนหรอกนะคะ เพราะขนนั้นมีประโยชน์มากแม้จะรกดูรุงรังไปหน่อยก็ตาม ด้วยขนนั้นมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลิ่นจากภายในออกมาเหม็นคลุ้งข้างนอก
      นอกจากไม่โกนแล้ว ไม่ควรดึง แว็กซ์ ถอน เพียงแค่ตกแต่งให้เป็นรูปเป็นทรง หรือเล็มปลาย สไลด์กรุบกริบ อย่าปล่อยเซอร์มากจนใส่กางเกงในแล้วแลบออกข้างก็เพียงพอ
       ทว่าขนอวัยวะเพศเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ช่วยป้องกันเชื่อโรคเข้าสู่ช่องคลอดได้ และช่วยลดแรงเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์ แถมช่วยควบคุมอุณหภูมิแก่อวัยวะ ไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงพรวดพราดอีกซะด้วย

อย่าใส่ยีนส์คับติ้ว
      
       “ปรัชญาการดูแลจุดซ่อนเร้นก็ง่ายๆ เหมือนกับการดูแลซอกหลืบของบ้าน คือ ต้องแห้ง โล่งโปร่ง สบาย อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องถึง ต้องไม่อับชื้นนพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ แนะนำการดูแลอวัยวะเพศหญิงอย่างเห็นภาพเลยค่ะ
       “เมื่อก่อนผู้หญิงไม่ค่อยมีกลิ่นจากของสงวนเพราะวิถีชีวิตสมัยก่อนผู้หญิงนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่น ไม่ใส่ชุดชั้นใน ทำให้ไม่เกิดการอับชื้น แห้ง ลมโชย เมื่อวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไป วัยรุ่นสมัยใหม่นิยมใส่ยีนส์แน่นคับรัดติ้ว
       การแต่งกายยุคใหม่จึงทำให้เกิดความอับชื้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลวิจัยทางการแพทย์ออกมาแล้วว่า ผู้หญิงที่ใส่กางเกงยีนส์มีโอกาสติดเชื้อรามากกว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้ใส่ถึง 3 เท่า
       
ทำความสะอาดแบบเช็ดหลังมาหน้า
        ค่ะ นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่น เพราะบางคนอาจลืม หรือทำเป็นนิสัยด้วยการเช็ดทำความสะอาดหลังจากขับถ่ายแล้วแบบจากหลังมาหน้า
       คิดดูสิคะ ว่าคุณได้ลากเอาเชื้อโรคจากรูทวารหนักเข้ามาทางช่องคลอด มันสกปรกขนาดไหน
       ทว่าเชื้อโรคนี้เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดกลิ่น พอเข้าไปอาศัยอยู่ในช่องคลอด ได้แป้งจากในช่องคลอดเป็นอาหาร ดังนั้นมันก็ยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้น แถมยังหมักเกิดกลิ่นคาวปลาบูด เหม็นจนอายตัวเองเลยล่ะค่ะ
      
ไม่ใช้น้ำยาเฉพาะจุดซ่อนเร้น
       หลายคนคงทราบดี แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังใช้อยู่ บางคนก็กลัวล้างแค่น้ำเปล่า หรือสบู่จะไปสะอาดได้อย่างไร ขอบอกเลยค่ะว่า สะอาดและรักษาสมดุลจุดซ่อนเร้นของคุณได้เลิศมาก
       ที่บอกว่าสบู่ล้างเฉพาะจุดซ่อนเร้นไม่ควรใช้นั้น เพราะสบู่จะไปฆ่าแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยรักษาส่วนนั้นของเราจนตายไปหมด จะทำให้ติดเชื้อง่ายอีก อีกทั้งยังแต่งสี แต่กลิ่นจนฉุนรุนแรงขึ้น ทางที่ดีควรล้างน้ำเปล่า หรือสบู่เด็กล้างก็เวิร์คแล้วค่ะ
       อ้อ! เวลาเข้าห้องน้ำตามห้าง หรือที่สาธารณะ ก็ไม่ควรใช้หัวฉีดนั้น ในการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยนะจ๊ะ ควรพกทิชชู่ติดตัวไปเช็ดจะดีกว่า เนื่องจากหัวฉีดนั้นอาจมีเชื้อราแอบแฝงอยู่ที่ ใช้กระดาษชำระที่มีความอ่อนนุ่มซับเบาๆ แล้วค่อยมาทำความสะอาดจัดเต็มที่บ้านเราดีกว่า
      
อย่าสวนล้างช่องคลอด
       สาวๆ บางคนมักคิดว่า การสวนล้างช่องคลอดจะทำให้สะอาดล้ำลึกทุกซอกหลืบ ผิดค่ะ!
       การสวนล้างช่องคลอดจะทำให้ช่องคลอดมีภาวะเป็นด่างเกินเหตุ จำนวนแบคทีเรียที่สร้างกลิ่นจึงสูงขึ้น ในขณะที่แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสมีจำนวนลดลง
       อีกทั้งยังเป็น ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดช่องคลอดอักเสบด้วยนะคะ
      
กินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ
        การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือบางคนกินยารักษาสิวเป็นเวลานานก็ไม่หยุดกินสักทีนั้น
       ยาปฏิชีวนะจะไปทำลายเจ้าเชื้อแบคทีเรีย "แลคโตบาซิลลัส" ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อราในช่องคลอด ทีนี้จึงเป็นโอกาสให้เชื้อราเจริญเติบโตอยู่ภายในช่องคลอด ตกขาว หรือกลิ่นก็จะตามมาจนเซ็งไปตามๆ กัน
      
เลี่ยงแผ่นอนามัย
       ใส่แผ่นอนามัยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรใส่ทุกวัน เพราะคิดว่าสะอาดดี หรือใช้เฉพาะวันที่มีตกขาว หรือวันท้ายๆ ของการมีประจำเดือนแค่ 2-3 วันก็เพียงพอแล้ว
       ควรปล่อยให้ช่องคลอดของเราได้มีอากาศถ่ายเทลมเข้าบ้างอะไรบ้าง เพราะการใส่แผ่นผ้าอนามัยนั้นยิ่งทำให้น้องหนูอับชื้นสุดๆ
       และในช่วงที่เป็นประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2 ชั่วโมง ความอับชื้นจะทำให้แบคทีเรียในผ้าเติบโตได้ดี จนคุณอาจจะติดเชื้อในช่องคลอด
     
ตาก กกน.ในที่ร่ม แดดส่องไม่ถึง
        บางคนซักกางเกงในเสร็จก็พาดราวไว้ในห้องน้ำ คิดว่าสะดวกดี เดี๋ยวก็แห้ง หรือกางเกงในอาจจะไม่สวยหรือย้วยยานเหลืองอ๋อยจึงไม่กล้าออกไปตากในที่โล่งแจ้งก็ไม่ทราบ
       การตากในที่ร่มจะทำให้เกิดเชื้อราขึ้น สาเหตุของการติดเชื้อราเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เกิดจากการตากในที่อับชื้นหรือไม่โดนแสงแดด โดยเฉพาะผ้าไนลอนจะสามารถติดเชื้อราได้ง่าย ควรเลือกกางเกงในที่ผลิตจากผ้าฝ้าย เพราะเกิดเชื้อราได้ยาก และระบายความอับชื้นได้ดีกว่าค่ะ
       และกางเกงในก็ไม่ควรใส่จนเก่านะคะ เพราะจะเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงวาระก็ควรซื้อใหม่ ต้องใส่ใจกับน้องหนูของเรา อย่าไปงก เด็ดขาดค่ะ
      
งดของหมักดอง รสจัดจ้าน
        สาวกของหมักดองทั้งหลายต้องเพลาๆ ลงบ้างหากน้องสาวสุดที่รักของเราเกิดอากาศเหม็น บางคนกินอาหารรสจัด กลิ่นฉุน หรือกระเทียม ปลาร้า ปูดอง ปลาเค็ม วันรุ่งขึ้นน้องสาวเหม็นตีขึ้นจมูกก็มี
       หรืออาหารทะเล เครื่องเทศ หอม เพราะในอาหารหมักดองและอาหารทะเลมีสารเคมีกระตุ้นตกขาวเกิดปฏิกิริยาอักเสบระคายเคืองในร่างกาย
       การกินนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต ก็ช่วยน้องหนูของคุณให้กลับมาหอมสดชื่นได้นะคะ ทานสัก 2-3 วัน อาการเหม็นก็บรรเทาเบาบางลง และที่สำคัญทานน้ำเปล่าให้มากค่ะจะช่วยได้ดีทีเดียวเชียว
       


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.